วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

ภาษาฝรั่งเศษ : Le coeur


      หัวใจ หรือที่เรียกกันในภาษาฝรั่งเศษว่า "Le coeur : เลอ เคอ" จะประกอบด้วยกล้ามเนื้อพิเศษที่เรียกว่า  กล้ามเนื้อหัวใจ  ซึ่งมีลักษณะคล้ายดอกบัวตูม  แบ่งออกเป็นห้องบน (ห้องรับเลือด)  2  ห้อง  เรียกว่า  เอเตรียม  ห้องล่าง  2  ห้อง (ห้องสูบฉีดเลือด) เรียกว่า  เวนตริเคิล
ห้องรับเลือด  เรียกว่า  เอเตรียม  (Atrium)  หรือ  ออริเคิล  (auricle)  ได้แก่
      – ห้องบนขวา  รับเลือดดำ  (มีออกซิเจนต่ำ)  จากศีรษะแขนขาทั้งสองข้างและลำตัว
      – ห้องบนซ้าย  รับเลือดแดง  (มีออกซิเจนสูง)  จากปอด
ห้องสูบฉีดเลือด  เรียกว่า  เวนทริเคิล  (ventricle)  ได้แก่
      – ห้องล่างขวา  สูบฉีดเลือดดำไปปอด
      – ห้องล่างซ้าย  สูบฉีดเลือดแดงไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ลิ้นหัวใจ 
      หัวใจห้องบนซ้าย – ล่างซ้าย  จะมีลิ้นไบคัสพิด  คั่นอยู่  และห้องบนขวา – ล่างขวา
จะมีลิ้นไตรคัสพิด  คั่นอยู่  ซึ่งลิ้นหัวใจทั้งสองจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ

หัวใจคนและการหมุนเวียนของเลือดผ่านหัวใจไปและกลักลับจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

    การหมุนเวียนของเลือดจากหัวใจจากหัวใจและกลับจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนั้นต้องอาศัยหลอดเลือด  ซึ่งอยู่ทั่วไปทุกส่วนของร่างกาย  หลอดเลือดในร่างกาย  หลอดเลือดในร่างกายคนเราแบ่งออกเป็น  3  ชนิด  คือ
1. หลอดเลือดแดง  (Attery)
     เป็นหลอดเลือดที่นำเลือดออกจากหัวใจไปยังส่วนต่าง  ๆ ของร่างกาย   เลือดที่อยู่ในหลอดเลือดแดงมีปริมาณออกซิเจนมาก ยกเว้นเลือดที่ส่งไปยังปอดซึ่งเป็นเลือดดำมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์มาก  หลอดเลือดแดงมีผนังหนาและแข็งแรง เพื่อให้มีความทนทานต่อแรงดันเลือดที่ถูกฉีดออกจากหัวใจ
2. หลอดเลือดดำ  (Veins)  
     เป็นหลอดเลือดที่นำเลือดจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเข้าสู่หัวใจ  เลือดอยู่ในหลอดเลือดนี้เป็นเลือดดำ  มีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์มาก  ยกเว้นเลือดที่นำจากปอดมายังหัวใจจะเป็นเลือดแดง  และมีลิ้นป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ
3. หลอดเลือดฝอย  (Capollary)
     เป็นหลอดเลือดที่มีขนาดเล็กละเอียด  เป็นฝอยติดต่ออยู่
ระหว่างแขนงเล็ก ๆ ของหลอดเลือดและหลอดเลือดแดง  หลอดเลือดฝอยนี้มีผนังบางมาก  ประกอบด้วยเซลล์เพียงชั้นเดียว
     ขณะหัวใจบีบตัว  เลือดจะถูกดันออกไปตามหลอดเลือดแดงด้วยความดันสูง  ทำให้เคลื่อน
ที่ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย  และนำเลือดกลับเข้าสู่หัวใจด้วยกัน  ซึ่งขณะที่หัวใจรับเลือดเข้าไปนั้น  จะมีความดันน้อยที่สุด
ความดันเลือด  หมายถึง  ความดันในหลอดเลือดแดงมีหน่วยเป็น  มิลลิเมตรของปรอท  มีค่าตัวเลข  2  ค่า  เช่น  120/80  มิลลิเมตรของปรอท
      - ตัวเลข  120  แสดง  ค่าของความดันเลือดขณะหัวใจบีบตัวให้เลือดออกจากหัวใจ
      - ตัวเลข  80  แสดง  ค่าของความดันเลือดขณะที่หัวใจคลายตัวรับเลือดเข้าสู่หัวใจ
      ปกติความดันเลือดสูงสุดขณะหัวใจบีบตัวให้เลือดออกจากหัวใจจะมีค่าประมาณ  100 + อายุ  และ
ความดันเลือดขณะหัวใจรับเลือดไม่ควรเกิน  90  มิลลิเมตรของปรอท โดยมีเครื่องมือวัดความดันเลือด  เรียกว่า  มาตรความดันเลือด  จะใช้คู่กับสเต็ทโทสโคป  โดยวัดความดันที่หลอดเลือดแดง
ปัจจัยที่มีผลต่อความดันเลือด  ได้แก่  อายุ   เพศ  ขนาดของร่างกาย  อารมณ์  การทำงาน  การออก
กำลังกาย  และอริยาบถต่าง ๆ
ความดันโลหิตสูง  มีสาเหตุมาจาก
     1) หลอดเลือดตีบตัน  โรคนี้เป็นกันมากในผู้สูงอายุ
     2) ระดับไขมันในเลือดสูง
     3) มีอารมณ์โกรธง่าย  และมีจิตใจเครียดเป็นประจำ
การปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง คือ  ควรลดอาหารที่มีรสเค็ม  ลดความวิตกกังวล  หลีกเลี่ยงบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ชีพจร  คือ  การหดตัวและคลายตัวของหลอดเลือดในจังหวะเดียวกับการหดและคลายตัวของหัวใจ
ชีพจรสามารถวัดได้จากหลอดเลือดแดงที่อยู่ตื้น ๆ ใต้ผิวหนัง  เช่น  หลอดเลือดแดงที่ข้อมือข้างนิ้วหัวแม่มือ  ซอกคอ  ขาหนีบ  เป็นต้น อัตราชีพจรเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของร่างกาย  อารมณ์  และสภาพร่างกาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น